sony playstation ช่วงปลายยุค 80s บริษัทเกมทั้งหลายเห็นว่าแผ่นซีดี เป็นฮาร์ดแวร์ที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นอนาคตใหม่ที่ช่วยยกระดับวงการเกม เพราะในขณะที่ตลับเกมมีต้นทุนสูงและสามารถจุพื้นที่ได้แค่ 2 เมกะไบต์ แผ่นซีดีมีราคาถูกกว่า แถมยังสามารถจุพื้นที่ได้มากกว่า 600 เมกะไบต์เลยทีเดียว ความจุที่เพื่มขึ้นอย่างมหาศาลนี้ช่วยทำให้ผู้พัฒนาสามารถเพิ่มคุณภาพของวิดีโอและใส่อะไรหลายๆ อย่างเข้าไปในเกมได้มากขึ้นหลายเท่าตัว หนึ่งในบริษัทที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือนินเทนโด้ โดยพวกเขาวางแผนว่าจะเปลี่ยนให้เครื่อง SNES จากแบบใช้ตลับให้เป็นแบบใช้ซีดีแทน PlayStation และบริษัทที่จะมาช่วยนินเทนโด้ในการรังสรรค์เครื่อง SNES โฉมใหม่นี้ก็คือโซนี่
แต่ฟ้าดินก็ไม่เป็นใจเสียเท่าไหร่ เพราะว่าท้ายที่สุดแล้ว ทั้งสองก็ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้จนทำให้แผนการทั้งหมดต้องล้มเลิกไป โซนี่จึงตัดสินใจวางแผนสร้างเครื่องเกมคอนโซลของตัวเองที่ใช้ระบบแผ่นซีดี และในวันที่ 9 กันยายน ปี 1995 โซนี่ก็ได้วางขายเครื่อง PlayStation sony playstation 5 slim ในทวีปอเมริกาเหนือ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ PlayStation จะวางขายไม่กี่เดือน playstation sony เซก้าได้ชิงปล่อยเครื่องคอนโซลตัวใหม่ที่ใช้ระบบแผ่นซีดีออกมาก่อนหน้า ชื่อว่าเครื่อง Sega Saturn แต่เครื่องคอนโซลนี้ก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างหนักจนทำให้เซก้าล้มไม่เป็นท่า ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ส่งสัญญาณว่า เซก้าใกล้จะต้องโบกมือลาธุรกิจเครื่องเกมคอนโซลแล้ว
ตัดภาพมาทางฝั่งของโซนี่ ถึงแม้ PlayStation จะวางขายทีหลัง แต่ผลตอบรับนั้นแตกต่างกับเซก้าราวฟ้ากับเหว ซึ่งสาเหตุนั้นเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย อย่างแรกเลยก็คือ PlayStation มีราคาถูกกว่า Sega Saturn ถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐ อย่างที่สอง PlayStation เป็นเครื่องเกมปฏิวัติวงการที่ใช้กราฟฟิคแบบสามมิติ และอย่างสุดท้าย โซนี่วางแผนการตลาดอย่างชาญฉลาดด้วยการสร้างภาพลักษณ์ของ PlayStation ให้เป็นแบรนด์ที่พรีเมี่ยมมีระดับ
หลังจากนั้น 1 ปี นินเทนโด้ก็ได้ปล่อยเครื่องเกมใหม่ออกมาชื่อ Nintendo 64 มีฟีเจอร์โดดเด่นคือ สามารถต่อจอยเล่นกันได้สูงสุดถึง 4 คน ยอดขายของ Nintendo 64 ดูดีกว่า Sega Saturn อยู่หลายเท่าตัว สามารถขายไปได้กว่า 33 ล้านเครื่อง ในขณะที่ Sega Saturn นั้นขายได้เพียง 9.5 ล้านเครื่อง แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเลข 33 ล้านของนินเทนโด้ก็ไม่สามารถเทียบเคียงยอดขายของเครื่อง PlayStation ที่สามารถขายได้ 102.49 ล้านเครื่องเลยแม้แต่น้อย ถือเป็นก้าวแรกที่ประสบความสำเร็จของโซนี่ เบิกทางให้ PlayStation กลายเป็นแบรนด์เครื่องคอนโซลชั้นแนวหน้าของวงการ
PlayStation 2: ยุคสมัยอันยิ่งใหญ่ของเครื่องคอนโซล (2000)
sony playstation ในปี 2000 โซนี่เริ่มต้นศตวรรษใหม่ด้วยการวางขาย PlayStation 2 เครื่องเกมคอนโซลรุ่นแรกที่รองรับแผ่นดีวีดี ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ตัวใหม่ล่าสุดในสมัยนั้น ในวันเปิดตัววันแรก PlayStation 2 สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 500,000 เครื่อง ผู้พัฒนาทั้งหลายแหล่ต่างก็สนับสนุนการสร้างเกมมาลงเครื่องเกมนี้ นอกจากนี้ก็ยังมีเกมเอ็กซ์คลูซีฟมากมายเป็นของตน ตัวอย่างเช่น Grand Theft Auto กับ Gran Turismo
ในช่วงเวลานี้ นินเทนโด้ก็ได้ปล่อยเครื่องคอนโซล GameCube ออกมา รวมถึงไมโครซอฟต์เองก็ปล่อยเครื่องคอนโซลของตัวเองออกมาเป็นครั้งแรก ซึ่งก็คือ Xbox นั่นเอง ทั้งสองเครื่องต่างก็เป็นคอนโซลที่มีคุณภาพ มีฐานแฟนอย่างเหนียวแน่นเป็นของตัวเอง และมียอดขายทั้งหมดในยุคนั้น 20 กว่าล้านเครื่อง แต่ก็อย่างที่ใครๆ ก็พอจะเดาได้ ยอดขายเท่านั้นไม่สามารถที่จะดึงแบรนด์ PlayStation ให้ลงมาจากบัลลังก์ได้ ยอดขายของ PlayStation 2 มีแต่จะพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ PlayStation
อีกเหตุการณ์สำคัญที่เกิดในยุคของ PlayStation 2 ก็คือ การที่เซก้าเลิกผลิตเครื่องคอนโซลและหันไปเป็นผู้พัฒนาเกมแทน ย้อนไปในปี 1999 เซก้าได้วางขาย Sega Dreamcast เครื่องคอนโซลที่คนทั้งวงการเชื่อว่าจะมาปฏิวัติวงการเกมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและระบบเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของมัน แต่สุดท้าย ยอดขายของ Dreamcast ก็ไม่เป็นไปตามเป้า และทำยอดขายได้น้อยกว่าเครื่องคอนโซลเจนเก่าของตนอย่าง Sega Saturn เสียอีก ท้ายที่สุด ในวันที่ 1 มีนาคม 2001 เซก้าก็ได้ประกาศเลิกผลิตเครื่อง Dreamcast ทำให้เครื่องคอนโซลรุ่นนี้ กลายเป็นเครื่องคอนโซลเครื่องสุดท้ายของเซก้า playstation sony
ยุคโมเดิร์นของอุตสาหกรรมวิดีโอเกม (2005-ปัจจุบัน)
ในช่วงปี 2005 ถึง ปี 2006 มีเครื่องคอนโซลแห่งยุคโผล่ขึ้นมา 3 รุ่นด้วยกัน คือ Xbox 360 (ไมโครซอฟต์) PlayStation 3 (โซนี่) และ Nintendo Wii (นินเทนโด้) คอนโซลทั้งสามตัวนี้เป็นตัวแทนของการเริ่มต้นศักราชของวิดีโอเกมภาพ HD ถึงแม้ในยุคสมัยนี้ โซนี่ยังสามารถยืนเป็นแนวหน้าของตลาดเกมได้เหมือนคราก่อน แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่า นี่เป็นครั้งแรกเลยที่โซนี่เจอการแข่งขันที่ดุเดือดเผ็ดมันอยู่พอสมควร โดยเฉพาะจากคู่ปรับอย่างไมโครซอฟต์ sony playstation 5 slim
ท้้ง Xbox 360 และ PlayStation 3 ต่างก็มีสเปคเครื่องที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่สิ่งที่โซนี่เสียเปรียบคู่แข่งก็คือราคาเริ่มต้นของเครื่องที่ค่อนข้างสูง ด้วยเหตุนี้ ไมโครซอฟต์จึงเปิดตัวได้สวยกว่าเพราะ Xbox 360 มีราคาที่ย่อมเยาและสามารถรองรับระบบออนไลน์ได้ดีเยี่ยม playstation sony แต่ท้ายที่สุด โซนี่ก็สามารถวิ่งแซงไมโครซอฟต์ได้ปรับราคาเครื่องลงมาและทะยอยออกเกมเอ็กซ์คลูซีฟคุณภาพ AAA ของเครื่อง
PlayStation 3 ออกมาเพื่อดึงดูดลูกค้า หนึ่งในนั้นคือเกม The Last of Us ว่าที่เกมที่ดีที่สุดตลอดกาลเกมหนึ่งของโซนี่ หากเปรียบเทียบกันที่ยอดขายทั้งหมด Xbox 360 และ PlayStation 3 มียอดที่ใกล้เคียงกัน โดย Xbox 360 สามารถขายได้ 84 ล้านเครื่อง ส่วน PlayStation 3 สามารถขายได้ทั้งหมด 87.4 ล้านเครื่อง sony playstation 5 slim